Header Banner Ad

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อุบลราชธานี แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อุบลราชธานี แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ

  อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ









          อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ หรือเดิมชื่อ อุทยานแห่งชาติดงหินกอง มีเนื้อที่ประมาณ 50,000 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2524 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 33 ของประเทศ ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมูลบริเวณแก่งตะนะ

          ซึ่งคำว่า "ตะนะ" จากการเล่าขานตามความเชื่อของชาวบ้านและประชาชนทั่วไป เดิมมาจากคำว่า "มรณะ" เนื่องจากบริเวณแก่งตะนะนี้ มีกระแสน้ำไหลที่เชี่ยวกราก และมีโขดหินใหญ่น้อยอยู่ทั่วไป ตลอดจนมีถ้ำใต้น้ำอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านที่สัญจรทางน้ำหรือออกจับปลา มักประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอยู่เป็นประจำ ชาวบ้านจึงเรียกแก่งนี้ว่า "แก่งมรณะ" ตามแรงบันดาลจากสภาพของสายน้ำที่ไหลผ่านแก่งนี้ ซึ่งต่อมาเรียกว่า "แก่งตะนะ" จึงตั้งเป็นชื่ออุทยานแห่งชาติ

          ภูมิประเทศ เป็นที่ราบสูงและเนินเขาเตี้ย ๆ มียอดเขาบรรทัดเป็นจุดสูงสุด ความสูงประมาณ 543 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงไหลผ่าน ตามแนวเขตทางด้านทิศเหนือไปออกประเทศลาว บริเวณแก่งตะนะจะมีสายน้ำที่เชี่ยวและลึก อีกทั้งยังมีถ้ำใต้น้ำหลายแห่ง จึงทำให้มีปลาอาศัยอยู่ชุกชุม ตรงกลางมีโขดหินขนาดใหญ่เป็นเกาะกลาง สภาพป่าทั่วไปเป็นป่าแพะหรือป่าแดง จะมีป่าดิบเฉพาะบริเวณริมห้วยใหญ่เท่านั้น สภาพพื้นที่ส่วนมากเป็นหินทรายและพื้นที่ศิลา 

 สถานที่ท่องเที่ยว

          ดอนตะนะ เป็นดอนหรือเกาะกลางที่เกิดขวางแม่น้ำมูล มีความกว้างประมาณ 450 เมตร ยาวประมาณ 700 เมตร มีสะพานแขวนทอดข้ามทั้ง 2 ด้านของเกาะ  ทางตอนเหนือของดอนตะนะมีหาดทรายเหมาะแก่การพักผ่อน บนดอนตะนะยังมีป่าอยู่ทั่วไป เป็นสภาพป่าดงดิบแล้งมีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นในช่วงเช้า และช่วงเย็นจะมีการทำประมงของชาวบ้านรอบ ๆ เกาะ

 แก่งตะนะ เป็นแก่งกลางลำน้ำมูลที่ใหญ่ที่สุด กลางแก่งตะนะมีโขดหินทรายมหึมา เป็นเกาะกลางลำน้ำมูลที่เกิดจากลำน้ำมูลทั้งสองสายที่เชี่ยวกราก และจะกัดเซาะลงในแนวหินสูงประมาณ 1 เมตร ถ้าสังเกตเกาะกลางแก่งตะนะจะเห็นสิ่งก่อสร้างรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยฝรั่งเศสยังล่าอาณานิคม เพื่อใช้เป็นเครื่องชี้ร่องน้ำในการเดินเรือ บริเวณแก่งตะนะมีสายน้ำที่เชี่ยวและลึก ใต้ท้องน้ำเป็นหลุมหิน โขดหิน ทั้งยังมีโพรงถ้ำใต้น้ำหลายแห่ง จึงทำให้มีปลามาอาศัยบริเวณแก่งตะนะชุกชุม ช่วงที่เหมาะในการไปเที่ยว คือ เดือนพฤศจิกายน-มิถุนายน


    น้ำตกตาดโตน เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่ง เกิดจากลำห้วยตาดโตนไหลผ่านลานหินแล้วตกลงสู่ที่ลุ่ม เกิดเป็นแอ่งน้ำสามารถลงเล่นน้ำได้ มีน้ำเย็นใสสะอาด บริเวณโดยรอบเป็นป่าไม้และดอกไม้นานาพรรณ นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามของน้ำตกได้ ในเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี การเดินทาง ทางหลวงหมายเลข 2173 ซึ่งแยกจากทางหลวงหมายเลข 217 เข้าไปประมาณ  5 กิโลเมตร

  ลานผาผึ้ง เป็นพลาญหินทรายและหน้าผาชัน โดยหน้าผาจะหันหน้าสู่ด้านทิศตะวันออก เหมาะแก่การชมทิวทัศน์ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น และสามารถมองเห็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ ในช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนตุลาคม-ธันวาคม จะได้ชมดอกไม้ป่า เช่น ดุสิตา สร้อยสุวรรณา กระดุมเงิน หยาดน้ำค้าง แววมยุรา เป็นต้น ลานผาผึ้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 1.5 กิโลเมตร รถยนต์เข้าถึง หรือจะเดินเท้าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เลียบฝั่งแม่น้ำมูลได้เช่นกัน

    ถ้ำพระ หรือ ถ้ำภูหมาไน อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นชะง่อนผายื่นออกจากฝั่งแม่น้ำมูล กว้าง 45 เมตร ลึก 10 เมตร ภายในถ้ำพบศิลาจารึกและแท่นศึวลึงค์ (ฐานโยนี) อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 สมัยพระเจ้ามเหนทรวรมัน (เจ้าชายจิตรเสน) ปัจจุบันศิลาจารึกตัวจริงได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี


          น้ำตกรากไทร - ผารากไทร เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาตามหน้าผา ผ่านรากไทรริมฝั่งแม่น้ำมูลมองดูคล้ายม่านมู่ลี่ บริเวณแห่งนี้ประกอบด้วยเฟิร์น ตะไคร่น้ำ และมอส ทำให้มีอากาศเย็นสบายสามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งปี ใช้เส้นทางเดี่ยวกับถ้ำพระ ห่างจากถ้ำพระ ประมาณ 30 เมตร

          ผาด่าง เป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ของแก่งตะนะ เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแบบค้างคืนในป่า เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นลักษณะเดี่ยวกับผาชนะได แต่จะมองเห็นสองข้างของหน้าผา ด้านขาวจะมองเห็นเขื่อนสิรินธร ด้านซ้ายจะมองแห่งผืนป่าของประเทศลาว ด้านหน้าจะมองเห็นหมู่บ้านของชาวลาว และภูเขาที่สูงตะง่านสลับซับซ้อนกัน รวมถึงมองเห็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงของลาวคือสะพานปากแซ

   สะพานแขวน เป็นสะพานแขวนคนเดินข้ามที่ยาวที่สุดในประเทศ ที่เชื่อมจากฝั่งที่ทำการกับดอนตะนะทั้งสองข้าง โครงสร้างเป็นเหล็กยึดโยงด้วยลวดสลิงขนาดใหญ่ ยาวประมาณข้างละ 295 เมตร เป็นจุดชมวิวสองฝั่งแม่น้ำมูลเหนือแก่งตะนะ และใช้เดินข้ามเข้าไปชมธรรมชาติบนดอนตะนะได้อย่างเพลิดเพลิน

          ทั้งนี้ บริเวณที่ทำการอุทยานฯ  มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว สอบถามรายละเอียดได้ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทรศัพท์ 0 2562 0760 หรือ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ โทรศัพท์ 0 4540 6887-8

การเดินทาง

          รถยนต์

          อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ อยู่ห่างจากจังหวัดอุบลราชธานีประมาณ 90 กิโลเมตร และสามารถเดินทางมาได้ 2 เส้นทาง คือ

          • จากจังหวัดอุบลราชธานีไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 217 ผ่านอำเภอวารินชำราบ กิ่งอำเภอสว่างวีระวงศ์ ถึงอำเภอพิบูลมังสาหาร แยกเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2173 ผ่านอำเภอสิรินธร ถึงสามแยกตลาดนิคม 2 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2296 สุดทางจะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ

          • จากจังหวัดอุบลราชธานีไปตามเส้นทางเดียวกับเส้นทางแรก เมื่อถึงอำเภอพิบูลมังสาหารเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานพิบูลมังสาหาร 200 ปี เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2222 (ถนนพิบูลมังสาหาร-โขงเจียม)

          1. ก่อนถึงอำเภอโขงเจียม ประมาณ 4 กม. เลี้ยวขาวผ่านสันเขื่อนปากมูล ประมาณ 1.2 กม. ถึงสามแยก เลี้ยวซ้าย ถึงด่านแก่งตะนะ

          2. ผ่านเข้าตัวอำเภอโขงเจียม ข้ามสะพานโขงเจียมไปตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2173 ถึงบ้านหนองชาด ซึ่งห่างจากอำเภอโขงเจียม 6 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2296 สุดเส้นทางถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ









อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

อุทยานแห่งชาติผาแต้ม




อุทยานแห่งชาติแม้ว่าจะมีสภาพเป็นป่าสี เขียวเหมือนกันหมด แต่น้อยที่นักจะทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่า ได้ถูกเติมเต็มด้วยความงดงาม ธรรมชาติ และอารยธรรม อย่างเช่น อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี แห่งนี้

          อุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีเนื้อที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอโขงเจียม อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี ประกอบด้วยสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่านานาชนิด มีจุดเด่นที่สวยงามตามธรรมชาติมากมาย ในอดีตชาวบ้านท้องถิ่นที่ทำกินในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ป่าภูผา น้อยคนนักที่จะเดินทางเข้าไปในป่าดังกล่าว เนื่องจากมีความเชื่อว่า ผาแต้ม เป็นเขตต้องห้าม ภูผาเหล่านี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าเป็นภูผาแห่งความตาย ใครล่วงล้ำเข้าไปมักมีอันเป็นไป อาจเจ็บไข้หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

          ผาแต้ม มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อคณะอาจารย์และนักศึกษาภาควิชามนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยศิลปากร มีการค้นพบภาพเขียนสีโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 3,000-4,000 ปี ได้มาทำการสำรวจและค้นพบภาพเขียนสี โบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ ผาแต้ม จึงได้เสนอต่อกองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ขอให้จัดตั้งป่าภูผาในบริเวณ ผาแต้ม เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้รับการประกาศให้เป็น อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็น อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 74 ของประเทศไทย และถือได้ว่าเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีแม่น้ำโขงซึ่งเป็นเส้นกั้นพรมแดน ระหว่างประเทศไทยและประเทศลาวเป็นแนวเขต


 ลักษณะภูมิประเทศ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีสภาพพื้นที่เป็นเทือกเขาติดต่อกันลักษณะสูง ๆ ต่ำ ๆ สลับกันไปทั่วพื้นที่ ระดับความสูงของพื้นที่อยู่ระหว่าง 100-600 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีภูผาที่สำคัญ ได้แก่ ภูผาขาม ภูผาเมย ภูผาเจ็ก ภูผาสร้อย ภูย่าแพะ ภูชะนะได ภูผานาทาม ภูโลง ภูปัง ภูจันทร์แดง ภูหลวง ภูสมุย และภูกระบอ เป็นต้น และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของห้วยช้าง ห้วยภูโลง ห้วยฮุง ห้วยลาน ห้วยเพราะ ห้วยแยะ ห้วยกวย ห้วยกะอาก ห้วยใหญ่ ห้วยสูง และห้วยหละหลอย

          สำหรับอากาศสามารถแบ่งออกเป็น 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือน มิถุนายน-กันยายน, ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์, ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม อุณหภูมิในแต่ละฤดูแตกต่างกันอย่างมาก ในฤดูฝนจะมีพายุฝนฟ้าคะนองอยู่บ่อยๆ ในฤดูหนาวอากาศเย็นและแห้งแล้ง ความชื้นในบรรยากาศมีน้อย ในฤดูร้อนอากาศร้อนจัด ต้นไม้ใบหญ้าแห้ง


ผาแต้ม อุบลราชธานี

          อุทยานแห่งชาติผาแต้ม แบ่งพื้นที่ท่องเที่ยว คือ ย่านผาแต้ม เป็นจุดท่องเที่ยวหลักของอุทยานฯ ซึ่งได้รับความนิยม สถานที่ท่องเที่ยวในย่าน ผาแต้ม รวมเอาพื้นที่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บ้านพัก และลานกางเต้นท์และพื้นที่ใกล้เคียง

          บริเวณ ผาแต้ม บริเวณด้านล่างของหน้าผา มีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ปรากฏเรียงรายอยู่เป็นระยะ มีอายุไม่ต่ำกว่าสามพันถึงสี่พันปี ทางอุทยานฯ ได้ทำทางเดินจากหน้าผาด้านบนลงไปชมภาพเขียนสีเหล่านี้ เป็นภาพเขียนสีที่ยาวที่สุดในประเทศไทย แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ สัตว์ เครื่องมือเครื่องใช้ สัญลักษณ์ และคน กลุ่มภาพเขียนสีผาแต้มแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ...

          1. กลุ่มภาพเขียนสีผาขาม มีทางเดินลงมาจากลานผาแต้มประมาณ 30 เมตร จากนั้นเป็นทางราบริมหน้าผาเดินไปอีก 400 เมตรจึงจะถึง ภาพค่อนข้างลบเลือนไปมากแล้ว เหลือเพียงร่องรอยคล้ายภาพก้างปลา และลายเส้นทึบหยักไปมาคล้ายคลื่นน้ำ

          2. กลุ่มภาพเขียนสีผาแต้ม จากผาขามเดินไปอีก 300 เมตรก็จะถึง เป็นกลุ่มภาพเขียนสีที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีจำนวนมากกว่า 300 ภาพ เรียงรายเป็นแนวยาวถึง 180 เมตร มีภาพกลุ่มสัตว์ ช้าง ปลา วัว เต่า ภาพมือ เครื่องมือจับสัตว์น้ำ ภาพคน และภาพลวดลายเรขาคณิต บอกเล่าถึงพิธีกรรม ความเชื่อ วิถีชีวิตของมนุษย์ในยุคจับปลา-ล่าสัตว์สมัยก่อนประวัติศาสตร์

          3. กลุ่มภาพเขียนสีผาหมอน มีภาพกลุ่มสัตว์ วัว ควาย ภาพคนถืออาวุธคล้ายธนู อยู่ในทุ่งหญ้าหรือนาข้าว ภาพมือ และภาพลวดลายเรขาคณิต สะท้อนถึงการเป็นแหล่งชุมชนเกษตรกรรมเพาะปลูกข้าวเก่าแก่ของโลก

          4. กลุ่มภาพเขียนสีผาหมอนน้อย มีภาพคนนุ่งกระโปรง ยืนเท้าเอว ลักษณะการวาดแบบกิ่งไม้ภาพสัญลักษณ์ ลวดลายเรขาคณิต และภาพฝ่ามือกระจายอยู่ทั่วไป 
  สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อาทิ เสาเฉลียง อยู่ก่อนถึงผาแต้มประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นเสาหินธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมนับล้านปี มีลักษณะคล้ายดอกเห็ดเรียงรายกันอยู่มากมาย ซึ่งหินดังกล่าวจะปรากฏเห็นซากเปลือกหอย กรวด ทราย อยู่ในเนื้อหิน ซึ่งนักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า เมื่อประมาณล้านกว่าปีมาแล้ว บริเวณนี้คงจะเป็นทะเลมาก่อน ชาวบ้านบริเวณนี้เรียกเสาหินที่คล้ายดอกเห็ดนี้ว่า "เสาเฉลียง" ซึ่งแผลงมาจากคำว่า "สะเลียง" ที่หมายถึง "เสาหิน"

          น้ำตกสร้อยสวรรค์ ตั้ง อยู่บนทางหลวงหมายเลข 2112 ห่างจากตัวอำเภอโขงเจียมประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เกิดจากลำธาร 2 สาย คือห้วยสร้อยและห้วยไผ่ ที่ไหลจากมาบรรจบกัน ซึ่งสูงประมาณ 20 เมตร มองดูคล้ายสร้อยที่แขวนคอ

  น้ำตกแสงจันทร์ (น้ำตกลงรู) ก่อนถึงน้ำตกทุ่งนาเมือง 1 กิโลเมตร มีทางแยกขวาที่บ้านทุ่งนาเมืองไปน้ำตกแสงจันทร์ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสวยงามและมีลักษณะพิเศษ เกิดจากลำห้วยเล็ก ๆ บนลานหินไหลลอดผ่านหน้าผา หินที่มีลักษณะเป็นรูลงสู่เพิงผาด้านล่าง หากเดินทางมาชมตอนช่วงเที่ยงวันซึ่งแสงอาทิตย์ลอดผ่านรูพอดีจะมอง เห็นสายน้ำตกเหมือนแสงจันทร์
      
          น้ำตกทุ่งนาเมือง ห่างจากน้ำตกแสงจันทร์ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก เกิดจากลำห้วยทุ่งนาเมืองซึ่งเป็นร่องน้ำที่รองรับน้ำจากภูเขา จึงมีน้ำแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น น้ำตกทุ่งนาเมืองมีอยู่ 2 แห่ง คือ น้ำตกทุ่งนาเมืองน้อยซึ่งเป็นหุบเหวกลางลำธารหิน ตั้งอยู่ก่อนถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานประมาณ 200 เมตร มีลานจอดรถและลงไปชมน้ำตกได้เลย ส่วนน้ำตกทุ่งนาเมืองจะอยู่บริเวณหน่วยพิทกษ์พอดี มีทางเดินไปจุดชมวิวน้ำตกเพียง 15 เมตร และทาง เดินลงไปชมน้ำตกอย่างใกล้ชิดในหุบเขาเบื้องล่าง ซึ่งจะมองเห็นสายน้ำไหลตกมาจากหน้าผาสูง 20 เมตร อย่างสวยงาม ระหว่างทางเดินยังมีเถาวัลย์ยักษ์ ซึ่งเป็นเถาวัลย์ขนาดใหญ่ เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำโฆษณาบรั่นดีอีกด้วย  
  ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกสร้อยสวรรค์ ตั้งอยู่บริเวณลานหินด้านบนของน้ำตกสร้อยสวรรค์ ขนาบสองฝั่งของลำห้วย ทุ่งดอกไม้ป่าบนลานหินจะบาน เฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวเท่านั้น โดยมีพื้นที่กว้างขวางจรดชายป่าเต็งรังที่อุดมสมบูรณ์ ดอกไม้ป่าบริเวณลานหินนี้เป็นต้นเล็กซึ่งมีทั้งดอกสร้อยสุวรรณา ดอกดุสิตา ดอกมณีเทวา ดอกทิพย์เกสร หญ้าวัว หยาดน้ำค้าง เป็นต้น นับเป็นเสน่ห์และสีสัน สำหรับการเที่ยวชมน้ำตกสร้อยสวรรค์ได้เป็นอย่างดี ช่วงที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวคือปลายตุลาคม-ธันวาคม 

          ทั้งนี้ สามารถติดต่อได้ที่ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ตู้ ปณ. 5 ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี 34220 โทรศัพท์ 0 4531 8026, 0 4524 6332